ภาษีซื้อต้องห้าม
ภาษีซื้อต้องห้าม หรือภาษีซื้อไม่ขอคืน บัญชีที่อยู่ในงบการเงิน ภาษาที่นักบัญชีเรียกกัน คืออะไร วันนี้จะพาไปดูกันค่ะ
ภาษีซื้อต้องห้าม หมายถึง ภาษีซื้อที่กฎหมายไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขายเพื่อคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ห้ามขอคืน โดยกำหนดลักษณะของภาษีซื้อต้องห้ามไว้ตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
ลักษณะภาษีซื้อต้องห้าม
- ไม่มีใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีหาย หรือ ไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ กรณีใบกำกับภาษีหาย หรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ สามารถแก้ไขได้โดยขอให้ผู้ออกใบกำกับภาษีออกใบแทนใบกำกับภาษี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการนำไปหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีได้
.
- 2. ใบกำกับภาษีที่ไม่ถูกต้องในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนด ใบกำกับภาษีที่จะนำมาหักออกจากภาษีขาย หรือขอคืนภาษีได้ ต้องเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูป ที่มีรายการตามาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร หากไม่ถูกต้องครบถ้วน ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ดังนั้นผู้ประกอบการที่จะนำใบกำกับภาษีฉบับใดมาใช้ ควรต้องทำการตรวจสอบรายละเอียดว่ามีรายกาครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่
.
- ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ หากเป็นภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อหรือรับบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ถึงแม้ว่าจะมีใบกำกับภาษีถูกต้องตาม
.
- ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรอง เช่น จ่ายค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าสิ่งของหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อรับรองบุคคลอื่น
.
- 5. ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี ได้แก่
(5.1) บุคคลผู้ที่ไม่ใช้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(5.2) ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่อยู่นอกราชอาณาจักร และมีตัวแทนออกใบกำกับภาษีแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(5.3) ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ทรัพย์สินถูกนำออกขายทอดตลาด หรือโดยวิธีอื่น โดยผู้อื่น
.
- ภาษีซื้อตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 42) ได้แก่
(6.1) ภาษีซื้อที่เกี่ยวกับการซื้อ เช่าซื้อ หรือซื้อสินค้าหรือรับบริการเกี่ยวกับรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(6.2) ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีอย่างย่อ
(6.3) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินทรัพย์หรือรับบริการ ที่ได้นำมาใช้ในกิจการในประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
(6.4) ภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคาร ได้นำมาใช้ในกิจการของตนเองที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และต่อมากิจการได้ขายอาคารหรือให้เช่าภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ก่อสร้างเสร็จ ภาษีซื้อนั้นถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม
(6.5) ใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 ที่มีรายการ ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ไม่ได้จัดพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่จัดทำใบกำกับภาษีด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับ
(6.6) ใบกำกับภาษีเต็มรูปตามาตรา 86/4 ที่รายการใบกำกับภาษีเป็นสำเนา (COPY) ยกเว้น ใบกำกับภาษีที่จัดทำรวมกับเอกสารทางการค้าอื่น ๆ หลายฉบับ และในใบกำกับภาษีที่เป็นสำเนามีข้อความว่า “เอกสารออกเป็นชุด” ปรากฎอยู่ด้วย
(6.7) ภาษีซื้อที่เป็นส่วนที่เฉลี่ยจากกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
(6.8) ใบกำกับภาษีซื้อที่ถูกแก้ไข เปลี่ยนแปลง ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ตามาตรา 86/4
(6.9) ภาษีซื้อจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการ ที่นำมาใช้ทั้งกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการเลือกที่จะไม่นำภาษีซื้อทั้งหมดมาใช้คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากมีกิจการประเภทไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่าร้อยละ 90
(6.10) ใบกำกับภาษีซื้อที่ถูกแก้ไข เปลี่ยนแปลง ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญของใบกำกับภาษี ตามมาตรา 86/4
(6.11) ภาษีซื้อที่เกี่ยวกับการซื้อ เช่าซื้อ หรือซื้อสินค้าหรือรับบริการเกี่ยวกับรถยนต์ ที่ไม่ใช่รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ต่อมาได้มีการดัดแปลงเป็นรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ภายใน 3 ปี นับแต่เดือนภาษีที่ได้รถยนต์ไว้ครอบครอง
(6.12) ใบกำกับภาษีซื้อของผู้ประกอบการที่ออกโดยตัวแทน ที่มีรายการในใบกำกับภาษีที่ไม่ได้จัดพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่จัดทำใบกำกับภาษีด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับ
.
ภาษีซื้อต้องห้ามที่สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
ภาษีซื้อต้องห้ามบางประเภท ที่กฎหมายกำหนดให้สามารถถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ไม่ต้องนำไปบวกกลับในกำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ภาษีซื้อต้องห้ามดังต่อไปนี้
- ภาษีซื้อจากซื้อ สินค้าหรือรับบริการ ของรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง
- ภาษีซื้อที่เกิดจากค่ารับรอง หรือ ค่าสิ่งของ เพื่อเป็นการรับรองหรือให้บริการบุคคลอื่น
- ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีอย่างย่อ
- ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายในกินการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ภาษีซื้อจากการก่อสร้างอาคาร หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น แล้วนำมาใช้ในกิจการของตนเอง ซึ่งเป็นกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อมาได้ขาย ให้เช่า หรือนำไปใช้ในกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 3 ปี นับแต่วันเดือนภาษีที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์
- ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีเต็มรูปตามาตรา 86/4 ซึ่งมีรายการในใบกำกับภาษีเป็นสำเนา (COPY) แต่ไม่รวมถึงใบกำกับภาษีที่จัดทำรวมกับเอกสารทางการค้าอื่นซึ่งมีจำนวนหลายฉบับ และรายการในใบกำกับภาษีที่เป็นสำเนา มีข้อความ “เอกสารออกเป็นชุด” ปรากฎอยู่ด้วย
- ภาษีซื้อส่วนที่เฉลี่ยให้เป็นของกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องคำนวณตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร
- ภาษีซื้อจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการ ที่นำมาใช้ทั้งกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการเลือกที่จะไม่นำภาษีซื้อทั้งหมดมาใช้คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากมีกิจการประเภทไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่าร้อยละ 90
- ภาษีซื้อที่เกิดจากการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ที่เป็นภาษีซื้อต้องห้าม สามารถนำภาษีซื้อมาถือเป็นรายจ่ายได้
- ภาษีซื้อที่เกี่ยวกับการซื้อ เช่าซื้อ หรือซื้อสินค้าหรือรับบริการเกี่ยวกับรถยนต์ ที่ไม่ใช่รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ต่อมาได้มีการดัดแปลงเป็นรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ภายใน 3 ปี นับแต่เดือนภาษีที่ได้รถยนต์ไว้ครอบครอง
- ภาษีซื้อจากใบกำกับภาษีซื้อเต็มรูป ที่รายการชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ไม่ได้จัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ กรณีจัดทำใบกำกับภาษีด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับเป็นภาษีซื้อต้องห้าม
ภาษีซื้อต้องห้ามที่ไม่ให้นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
- ไม่มีใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีสูญหาย หรือไม่อาจแสดงได้ว่ามีการชำระภาษีซื้อ
- ใบกำกับภาษีที่มีข้อความไม่ถูกต้อง สมบูรณ์ ในส่วนที่เป็นสาระสำคํญ
- ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของผู้ประกอบการ
- ภาษีซื้อที่ออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี
สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ยกเว้นรายจ่ายบางประเภทที่กฎหมายไม่ให้นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษี
ที่มา : กรมสรรพากร