ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ผู้ที่ประกอบธุรกิจค้าขายในรูปแบบบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะค้าขายโดยมีหน้าร้าน หรือขายออนไลน์ เมื่อต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนมากมักจะเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาเพราะสะดวก และไม่ได้เก็บเอกสารค่าซื้อสินค้า ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ ทำให้ไม่สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบตามจริงได้ จึงต้องเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาซึ่งอยู่ในอัตรา 60% ทำให้กำไรที่แท้จริงลดน้อยลง เพราะภาษีถือเป็นต้นทุนของสินค้าอย่างหนึ่ง ดังนั้นผู้ประกอบการแม้จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา การวางแผนภาษีเพื่อเสียภาษีอย่างถูกต้องและประหยัดก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเรียนรู้และปฏิบัติ มิฉะนั้นกำไรที่เกิดขึ้นอาจจะไม่พอชำระภาษีก็เป็นได้
บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจพาณิชย์ ค้าขาย เมื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธีคือ
- หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% (หากกิจการมีต้นทุนที่ต่ำกว่า 60% แนะนำให้ใช้วิธีนี้เพราะไม่ต้องเก็บเอกสาร)
- หักค่าใช้จ่ายตามจริง (ต้องเก็บเอกสารเพื่อประกอบการตรวจสอบ)
ก่อนอื่นผู้ประกอบการจะต้องรู้ต้นทุนรวมของสินค้าก่อน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ต้นทุนในที่นี้ไม่ใช่แค่ค่าซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่จะรวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย หากต้นทุนสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดให้หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% ก็สามารถมองเห็นผลขาดทุนได้อย่างชัดเจนแน่แล้ว หากยังเลือกยื่นแบบภาษีเงินได้โดยเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา เท่ากับยิ่งขาดทุนเข้าไปกันใหญ่
ดังนั้น หากต้นทุนสูงผู้ประกอบการจำเป็นต้องเลือกใช้วิธีหักค่าใช้จ่ายตามจริง แต่การจะเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริงได้นั้นผู้ประกอบการจะต้องจัดทำเอกสารเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถนำไปพิสูจน์รายจ่ายได้ตอนยื่นภาษีเงินได้ ตามไปดูวิธีการเตรียมเอกสารเพื่อเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริงกันค่ะ
สิ่งที่ต้องจัดทำเมื่อเริ่มประกอบธุรกิจ
- จัดทำบัญชีรายรับ -รายจ่าย ทุกเดือน
- แยกบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบรายการ
- เก็บเอกสารรายรับ รายจ่าย ประกอบรายงาน
- กรณีขายสินค้าที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หากยอดเกิน 1.8 ล้าน ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ( ประเด็นนี้สำคัญมากเพราะอาจนำมาให้ถูกประเมินภาษีย้อนหลังได้
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อนำส่งกรมสรรพกร
1.จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ลงบันทึกรายการตามแบบฟอร์มบัญชีรายรับ-รายจ่าย โดยจะลงแยกเป็นแต่ละรายการ หรือ จะลงสรุปยอดรวมของวันก็ได้
- รายการที่จะนำมาลงในรายงาน
(1) ต้องเป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ
(2) รายการที่ลงต้องมีเอกสารประกอบเช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี หรือ เอกสารที่พิสูจน์ได้ถึงมีการจ่ายจริง
(3) หากมีการขายเชื่อ หรือ ซื้อเชื่อ ให้ลงรายการในวันที่ได้รับเงิน หรือ จ่ายเงิน โดยอธิบายเพิ่มเติมในช่องหมายเหตุ
- สรุปยอดรายรับ รายจ่าย เป็นรายเดือน เพื่อนำไปใช้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้
.
วิธีนำยอดในรายงานในยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ช่อง “รายรับ” ในรายงาน ถือเป็น “ยอดเงินได้พึงประเมิน”
ช่อง “รายจ่าย” ในรายงาน ถือเป็น “รายจ่ายหักตามจริง”
เงินได้จากการค้าขาย ถือเป็นเงินได้พึงประเมินมาตรา 40 (8 ) กำหนดเวลายื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีละ 2 ครั้ง
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) รายได้ของเดือน มกราคม – มิถุนายน ยื่นภายใน 30 กันยายน ของปี
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี (ภ.ง.ด.90) รายได้ของเดือนมกราคม – ธันวาคม ยื่นภายใน 31 มีนาคม ของปีถัดไป
ประโยชน์ของการทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย
- ทำให้ผู้ประกอบการทราบถถึงรายได้ ค่าใช้จ่าย และผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ
- ใช้เป็นหลักฐานในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้
- สามารถยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยยอดที่ถูกต้อง
- ทำให้สามารถทราบยอดรายได้ที่แท้จริง กรณียอดขายเกิน 1.8 ล้าน จะสามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทันที
- ใช้เป็นหลักฐานกรณีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรขอตรวจสอบ
- เป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการประเมินธุรกิจ เพื่อวางแผนขยายกิจการในอนาคตได้
การจัดเก็บเอกสารรายจ่าย
มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ซื้อสินค้ามาขายแล้วไม่มีใบเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งมาจากต่างประเทศไม่มีเอกสาร หรือ ซื้อจากบุคคลธรรมดา ซึ่งมีแนวทางในการจัดทำเอกสารประกอบ ในแต่ละกรณีดังต่อไปนี้
.
กรณีซื้อสินค้าและได้รับใบเสร็จรับเงินถูกต้อง
ในการซื้อสินค้าผู้ประกอบการพยายามเลือกซื้อจากแหล่งที่มีเอกสารถูกต้อง ครบถ้วน หากเป็นไปได้ และในการชำระค่าสินค้าควรเลือกใช้วิธีการโอนเงิน หลีกเลี่ยงการชำระเป็นเงินสด
- ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี
- หลักฐานการโอนเงิน (ควรหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินเงินสด)
.
กรณีซื้อสินค้าและไม่ได้รับใบเสร็จรับเงินถูกต้อง
บางครั้งผู้ประกอบการเอง อาจมีทางเลือกน้อยในการซื้อสินค้าจากแหล่งที่มีเอกสารถูกต้อง อาจจะด้วยสาเหตุว่า ราคาสินค้าที่ถูกกว่า หรือเป็นสินค้าที่หายาก แต่ผู้ประกอบการสามารถวางแผนและจัดเตรียมเอกสาร เพื่อใช้เป็นหลักฐานได้ ยกตัวอย่างเป็นแต่ละกรณี ดังต่อไปนี้
- กรณีซื้อจากบุคคลธรรมดา จัดทำใบสำคัญรับให้ผู้ขายเซ็นพร้อมแนบสำเนาบัตรประชนชน
- ซื้อสินค้าแล้วได้ใบเสร็จไม่ถูกต้อง ให้เลือกทำใบแทนใบเสร็จรับเงิน สำเนาใบโอนเงิน และ รูปถ่ายสินค้า ประกอบ
- หลักฐานการเจรจาซื้อสินค้า อาจจะเป็นทาง Line ทาง e-mail สำเนาใบโอนเงิน และ รูปถ่ายสินค้า
ในการจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายสามารถพิจารณาได้ว่าเพียงพอต่อการพิสูจน์กับเจ้าหน้าที่ให้เชื่อได้ว่าต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จ่ายไป เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง และมีการจ่ายจริง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เห็นประโยชนย์ของการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย หรือยังคะ ถึงแม้ว่าจะยุ่งยากหน่อย (ไม่หน่อยสิมากอยู่นา) แต่ผลที่ได้รับคุ้มค่าอยู่นะคะ การทำธุรกิจย่อมหวังในผลกำไรที่สูง แต่ต้องอยู่ภายใต้ของการเสียภาษีที่ถูกต้อง ซึ่งในการจะสามารถประหยัดภาษีได้ก็ต้องมีการวางแผนภาษีที่ดี ด้วยค่ะ